RSS

Daily Archives: August 31, 2013

โหราศาสตร์แห่งจักรวาล

 


 

…เรื่องราวของชีวิตมนุษย์บนโลกใบนี้ ถูกถอดระหัสจากโค๊ตจักรวาลและแปลเรียบเรียง
ออกมาเป็นใจความของแต่ละดวงชาตาจากวิชา

                          “โหราศาสตร์”

…ซึ่งเป็นวิทยาการเก่าแก่มีมานานคู่กับมนุษย์โลกวิชาหนึ่ง โหราศาสตร์ไม่ใช่วิชาลึกลับ
ซับซ้อน ซ่อนเร้นแต่อย่างไร ความยุ่งยาก…วุ่นวาย สับสนเกิดจากตำรับ …ตำราหรือ…
ครูบาอาจารย์ผู้สอนนำเอากฏเกณฑ์ที่น่ามึนงง สับสน เอามาใช้กันต่างหาก เอาตำรา
มาปู้ยี่ปู้ยำ ใช้กันอย่างสะเปะสะปะ หรือกฏเกณฑ์ต่างๆที่ล้าสมัยทำให้ผู้ที่ศึกษาเล่าเรียน
ต้องเสียเวลาไปเปล่าๆเพราะไม่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด จำกันไปผิดๆเสียมาก การประสบ
ความสำเร็จจากการเรียนโหราศาสตร์เกิดขึ้นจากการพยายามจดจำหลักเกณฑ์ที่สำคัญ
ต่างๆ เช่น ทำความเข้าใจกับราศีทั้ง ๑๒ ให้ได้อีกทั้งรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆมีจักรราศี
ดวงดาว เรือนชาตา ภพเรือน ตรีโกณ จตุโกณฑ์ มุมโยค มุมเบียน มุมเล็งฯลฯ …

…มาในปัจจุบันนี้โลกได้พัฒนาก้าวหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดูจากสมัยก่อนดูการ์ตูนเรื่อง
” ยุคจรวด “ ในการ์ตูนมีบันไดเลื่อน ตอนที่ดูในตอนนั้นรู้สึกน่าเหลือเชื่อ แต่ในปัจจุบัน
ก็สามารถทำได้มาตั้งนาน-นมมาแล้ว และอีกหลายๆเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ ก็เป็นไปแล้ว
อย่างสวยงามหมดจด…แต่ดั้งเดิมมาในวิชาโหราศาสตร์ก็ยังไม่มีดวงดาวที่มีความหมาย
ถึงแอร์ เพราะในสมัยก่อนประเทศเรายังไม่มีเครื่องปรับอากาศใช้กัน แต่ว่ามาในปัจจุบันมี
ใช้กันอยู่ดาษดื่นทั่วไป…

…ดังนั้นท่าน อ.ส.ไชยนันท์ก็เอาดวงดาวมาประยุกต์ว่า ดาวจันทร์หมายถึงน้ำ ดาวมฤตยู
หมายถึงเครื่องไฟฟ้า ดาวเนปจูนหมายถึง เคมีเมื่อเวลาที่ดาว ๒ จรมากุมดาว ๐ และเกี่ยว
ข้องในทางโยค หรือกุมกันกับดาวเนปจูนในเรือนอริ มรณะ วินาสน์ แปลว่า น้ำยาแอร์มี…
มีปัญหา ก็นับว่าเป็นความคิดที่แยบยลดี และถูกต้องดี…ทันสมัยมากๆนะครับ…ความจริง
เรื่องเอาดาวมารวมกันแล้วแปลความหมายออกมามีมาตั้งแต่โบราณแล้ว…

…อาทิสูตรผสมดาวของท่าน อ.พ.อ  [ พิเศษ ] เอื้อน มนเทียรทอง ก็มีมานานแล้วซึ่งอยู่ใน
ตำรา ” ครูโหร ” ของท่าน ยังมีของท่าน อ.สิงห์โต สุริยาอารักษ์ ก็มีอยู่ในตาราโหราศาสตร์
ของท่านเช่นกัน…ระบบนี้ทางโหราศาสตร์ไทยบางสำนัก อาจจะไม่ยอมรับกันนัก…แต่ที่จริง
ผมว่า ไม่ว่าจะเป็นโหราศาสตร์สากล หรือโหราศาสตร์ไทยก็มาจากต้นตอเดียวกันนั่นแหละ
ถ้าเรารู้จักนำมาผสมกันแบบตำน้ำพริกโดยใช้ครกหิน…ก็จะสามารถเข้ากันได้อย่างสนิทชิด
เชื้อเหมือนกับตำน้ำพริกเช่นกัน…

…ถึงแม้ว่าจะเป็นวิชาประเภทอื่นๆ เช่น ไพ่ยิปซี เลข ๗ ตัว กร๊าฟชีวิต ฯลฯ ถ้านำเอาความ
หมายและการผสมกันของดวงดาวเข้าไปผนวกเข้าด้วยกัน ก็น่าจะเกิดผลดี ผลงามขึ้นมา
ไม่ใช่น้อยทีเดียว…เพราะผู้ที่เป็น” โหร “ หรือ ” หมอดู ” จุดประสงค์หลักก็คือทำนายดวง
ชาตาให้ผู้คนเหมือนกัน ผิดกันก็คือเป็นคนละแขนงเท่านั้นเอง…ผมว่า…ผู้เป็นโหรทำนาย
ดวงชาตาจากดวงดาว ฯลฯ วิชาอื่นๆก็ทำนายดวงชาตาจากสื่อต่างๆกันเช่น ไพ่ กร๊าฟ…
เลข ๗ ตัว…ซึ่งที่จริง ตัวเลข กับดวงดาว ก็มีส่วนสัมพันธ์กันอยู่แล้วชนิดที่เรียกว่า แยกกัน
ไม่ออก…โดยเฉพาะในวิชาเลขศาสตร์ ก็จัดว่ามีความแม่นยำไม่น้อยหน้าใครเขาเหมือนกัน

…ทุกประเภทถือว่าเป็นศาสตร์ด้วยกันทั้งสิ้นทุกระบบ ผมคิดว่าทุกฝ่ายจับมือกัน เข้ามาทำ
ความเข้าใจกัน ปรองดองกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วมกันทำให้ศาสตร์ทั้งหลายรวมเป็น
น้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าว่าคิดว่าของเราดีกว่า แม่นกว่าของคนอื่นเขาเลย ช่วยกันพัฒนา
ทำให้ศาสตร์แห่งการพยากรณ์ทั้งหลายได้บรรลุถึงจุดสูงสุด สุดยอดกันซะที่เถอะครับ…

…อโหรา คือ ชั่วโมง หรือชาตะ
…โหราจารย์ คือผู้ที่ทำนายทางวิชชาโหร
...โหราศาสตร์ คือตำราดูฤกษ์ดาราศาสตร์
…คำว่า“โหร” ไทยอ่านว่าโหร สันสกฤตอ่านว่า โหรา แปลว่า …
…หมอดูฤกษ์หรือผู้ชำนาญทางดาราศาสตร์
“โหรา” แปลว่า โลกอื่น แปลความหมายได้ว่า”ทายกาลล่วงหน้า หรือว่า
… ดูอนาคตล่วงหน้า
“ศาสตร์” แปลว่า วิชาการต่างๆ
…รวมความได้ว่า โหราศาสตร์แปลว่า วิชาที่ดูอนาคตล่วงหน้า


…เห็นคำแปลที่ว่านี้กันไหมครับ เข้าทางกันทุกประเภทเลยละ!…

…สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ หัวใจของโหราศาสตร์ก็คือ การนำเอา ศาสตร์ ของวิชาการ

บรรจุเอา ศิลปะ คือเทคนิค ลีลา ความสอดคล้อง และก็เสริมต่อด้วย สถิติ ต่างๆ
ที่ต้องรวบรวมเอาไว้…ประเด็นสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือ…บุคคลนั้นจะต้องมี ญาณ พิเศษ
ในตัวอีกด้วย…จึงจะครบสูตร “หัวใจของโหราศาสตร์ ” อย่างแท้จริง…